โรคตับอักเสบบี เอกสารข้อเท็จจริง

โรคตับอักเสบบีคือการที่ตับติดเชื้อจากไวรัสตับอักเสบบี  โรคนี้แพร่กระจายผ่านทางเลือดและของเหลวในร่างกาย อาจมีผลเสียต่อตับหรือเป็นโรคมะเร็งตับได้  การติดเชื้ออาจเป็นแบบเฉียบ พลันหรือเรื้อรัง  โรคตับอักเสบบีสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน  มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย และใช้วิธีฉีดยาที่ปลอดภัย

Last updated: 24 April 2025

โรคตับอักเสบบีคืออะไร?

โรคตับอักเสบบีคือการติดเชื้อที่เกิดจากไวรัสตับอักเสบบี

อาจทำให้เกิดอาการในระยะสั้นที่เรียกว่าการติดเชื้อโดยเฉียบพลัน  บางครั้งร่างกายจะกำจัด หรือ     “ ขจัด” ไวรัสออกไปได้ภายใน 6 เดือนหลังจากติดเชื้อ เมื่อกำจัดไวรัสได้แล้ว บุคคลนั้นจะไม่ติดเชื้อซ้ำหรือแพร่ไวรัสไปยังผู้อื่นได้

บางคนที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีไม่สามารถกำจัดไวรัสได้ และจะติดเชื้อไปตลอดชีวิตซึ่งเรียกว่าการติดเชื้อเรื้อรัง  ไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังอาจทำให้ตับถูกทำลาย เป็นมะเร็งตับหรือตับวาย  ยาสามารถป้องกันปัญหาร้ายแรงเกี่ยวกับตับได้

ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อกันได้อย่างไร?

ไวรัสตับอักเสบบีสามารถแพร่กระจายได้โดยการสัมผัสเลือดที่มีเชื้อไวรัสตับอักเสบบี  หากเลือดหรือของเหลวจากร่างกายที่มีเชื้อผ่านเข้าสู่กระแสเลือดของอีกบุคคลหนึ่ง  บุคคลนั้นสามารถติดเชื้อได้  ซึ่งเกิดขึ้นได้โดยผ่านทางผิวหนังที่แตกหรือแทรกเข้าในผิวหนัง เยื่อเมือก (จากปากหรืออวัยวะเพศ) หรือตา

สามารถแพร่เชื้อได้โดยผ่าน:

  • การมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทางปากหรือทางทวารหนักโดยไม่ได้ป้องกัน (โดยไม่ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย)
  • จากมารดาสู่ทารกในระหว่างตั้งครรภ์หรือคลอด
  • อุปกรณ์หรือของใช้ส่วนตัวที่ใช้ร่วมกัน เช่นเข็มฉีดยา กระบอกฉีดยา แปรงสีฟัน มีดโกน ของเล่นทางเพศ หรืออุปกรณ์แพทย์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ

โรคตับอักเสบบีไม่แพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยทั่วไป เช่นการกอดหรือจับมือ การหอมแก้ม การไอหรือจาม หรือการแบ่งอาหารหรือใช้ภาชนะร่วมกัน

อาการของโรคตับอักเสบบีเป็นอย่างไร?

โรคตับอักเสบบีเฉียบพลัน

ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเฉียบพลันส่วนมากจะไม่มีอาการใดๆ

สำหรับผู้ที่มีอาการ อาจรวมถึงอาการเหล่านี้:

  • เป็นไข้
  • ไม่รู้สึกหิวหรือเบื่ออาหาร
  • รู้สึกไม่สบาย (คลื่นไส้ และ/หรืออาเจียน)
  • ปวดท้อง
  • รู้สึกเหนื่อย
  • ปัสสาวะมีสีเข้มหรืออุจจาระมีสีซีด
  • ผิวหนังและตาเปลี่ยนเป็นสีเหลือง (ดีซ่าน)

ตามปกติอาการจะเริ่ม 1 ถึง 4 เดือนหลังจากติดเชื้อและจะมีอาการอยู่หลายสัปดาห์

ผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบบีเฉียบพลันสามารถ “กำจัด“ ไวรัสและรู้สึกดีขึ้นโดยไม่ต้องทำการรักษา

โรคตับอักเสบบีเรื้อรัง

โรคตับอักเสบบีเรื้อรังเกิดขึ้นเมื่อร่างกายไม่สามารถ “กำจัด” การติดเชื้อครั้งแรกในระยะ 6เดือนแรก

ไม่ใช่ว่าผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีเรื้อรังทุกคนจะมีอาการ  บางคนอาจมีอาการอย่างเดียวกับการติดเชื้อโรคตับอักเสบบีเฉียบพลัน  บางครั้งผู้ป่วยอาจไม่มีอาการใดๆ จนกว่าจะเกิดปัญหาเกี่ยวกับตับที่รุนแรงขึ้น การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังเป็นปัญหาร้ายแรงและอาจทำให้ตับถูกทำลาย (ตับแข็ง) เป็นมะร็งตับหรือตับวาย  อาการเหล่านี้อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ How is hepatitis B treated? (รักษาโรคตับอักเสบบีได้อย่างไร?)

ใครคือผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคตับอักเสบบี?

ใครก็ตามที่ไม่เคยเป็นโรคตับอักเสบบีหรือฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบี เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคตับอักเสบบี

ผู้ที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อโรคตับอักเสบบีได้แก่:

  • ผู้ที่เกิดในแถบที่โรคตับอักเสบบีพบได้บ่อย (เช่นเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ แปซิฟิกตะวันตก หรือภูมิภาคแอฟริกา)
  • ผู้ที่เคยฉีดยาเสพติด
  • ผู้ที่อยู่ในสถานกักกัน
  • ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน (ไม่ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย)
  • ผู้ที่เจาะผิวหนังโดยใช้อุปกรณ์ที่ไม่ผ่านการฆ่าเชื้อ ซึ่งรวมถึงผู้ที่มีรอยสัก การเจาะ ทำหัตถการเสริมความงามหรือหัตถการทางแพทย์ในต่างประเทศ
  • ชายที่มีเพศสัมพันธ์กับชาย
  • ทารกที่เกิดจากมารดาที่เป็นโรคตับอักเสบบี
  • ผู้ที่อาศัยอยู่กับผู้ที่เป็นโรคตับอักเสบบี และไม่ได้ฉีดวัคซีนป้องกันครบถ้วน
  • ผู้ที่ทำงานในสถานที่ที่มีโอกาสได้รับบาดเจ็บจากการถูกเข็มแทง เช่นสถานพยาบาล

จะป้องกันตัวจากโรคตับอักเสบบีได้อย่างไร?

การฉีดวัคซีนเป็นการป้องกันโรคตับอักเสบบีที่ดีที่สุด

ขอแนะนำให้เด็กและผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงทุกคนฉีดวัคซีน  ผู้ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนเลยควรปรึกษาแพทย์ว่าควรฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีหรือไม่

เด็กรับการฉีดวัคซีนได้ฟรี โดยแนะนำให้ฉีดในวัยต่อไปนี้

  • แรกเกิด
  • 6 สัปดาห์
  • 4 เดือน
  • 6 เดือน

วัคซีนทุกโดสมีความสำคัญต่อการป้องกันในระยะยาว

ผู้ที่อายุต่ำกว่า 20 ปีที่ไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีในวัยเด็ก และผู้ลี้ภัยและผู้เดินทางเข้าประเทศด้านเหตุผลทางมนุษยธรรมในทุกช่วงอายุ อาจมีสิทธิ์รับวัคซีนฟรีได้เช่นกัน

สามารถช่วยป้องกันตนเองจากโรคตับอักเสบบีได้โดย:

  • ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัยกับคู่นอน
  • ไม่ใช้เข็ม กระบอกฉีดยา และอุปกรณ์ฉีดยาอื่นๆ ร่วมกัน
  • ตรวจดูให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ที่ใช้สัก ฝังเข็มและเจาะร่างกายนั้นผ่านการฆ่าเชื้อ
  • ไม่สัมผัสของเหลวจากร่างกายผู้อื่นโดยตรง (เช่นใส่ถุงมือเมื่อทำแผลและทำความสะอาดเลือดและของเหลวจากร่างกายอื่นๆ ที่หก)
  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่นมีดโกน แปรงสีฟัน หรือของเล่นทางเพศ

ข้อมูลสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดกับโรคตับอักเสบบี

คู่นอนและผู้ที่อาศัยอยู่กับผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังควร:

  • ตรวจหาโรคตับอักเสบบี (ตรวจเลือด)
  • ฉีดวัคซีนหากไม่มีภูมิคุ้มกัน ผู้ที่ไม่เคยฉีดวัคซีนเมื่อยังเป็นเด็กควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการรับกระบวนการฉีดวัคซีน

ยาป้องกันหลังการสัมผัสโรค (PEP) เป็นยาที่อาจป้องกันการติดเชื้อในผู้ที่เพิ่งสัมผัสกับไวรัสตับอักเสบบี  ผู้ที่คิดว่าตนเองสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีควรติดต่อแพทย์   ผู้ที่ฉีดวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบบีและมีภูมิคุ้มกันแล้วไม่จำเป็นต้องใช้ยา PEP โรคตับอักเสบบี

การตรวจระหว่างการตั้งครรภ์

ระหว่างการตั้งครรภ์ สตรีจะได้รับการตรวจโรคตับอักเสบบี ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการดูแลประจำ  การปฏิบัตินี้ช่วยให้ได้รับการรักษาระหว่างตั้งครรภ์  และลดการเสี่ยงที่ทารกจะติดเชื้อตับอักเสบบี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวโรคตับอักเสบบีระหว่างตั้งครรภ์ ดูที่ “ควรทำอย่างไรถ้าผลการตรวจโรคตับอักเสบบีเป็นบวก?”

ทำการวินิจฉัยโรคตับอักเสบบีอย่างไร?

วินิจฉัยโรคตับอักเสบบีได้โดยการตรวจเลือด

อาจต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์หลังจากสัมผัสเชื้อครั้งแรกจึงจะได้ผลบวก  อาจต้องทำการตรวจมากกว่าหนึ่งครั้ง

การตรวจเลือดสามารถบอกได้ว่าผู้นั้นเป็นโรคตับอักเสบบี  นอกจากนั้นยังสามารถบอกได้ว่าผู้นั้นเคยเป็นโรคตับอักเสบบีมาก่อนหรือไม่ในอดีต ได้ “กำจัด” ไวรัสแล้วและไม่แพร่เชื้ออีกต่อไป

อาจต้องทำการตรวจอย่างอื่น (เช่นการถ่ายภาพตับ) หากการตรวจเลือดแสดงว่ามีไวรัสตับอักเสบบี เรื้อรัง

ทำการรักษาโรคตับอักเสบบีได้อย่างไร?

โรคตับอักเสบบีเฉียบพลัน

  • บางคนอาการจะดีขึ้นเองโดยไม่ต้องใช้ยาหรือรับการรักษา
  • แนะนำให้พักผ่อน รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และดื่มน้ำมากๆ
  • หากมีอาการรุนแรงมากขึ้น   อาจต้องใช้ยาต้านไวรัสหรือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

โรคตับอักเสบบีเรื้อรัง

  • สำคัญมากที่ผู้ป่วยโรคตับอักเสบบีเรื้อรังต้องไปตรวจสุขภาพกับแพทย์เป็นประจำ ซึ่งรวมถึงการตรวจการทำงานของตับอย่างน้อย 6 ถึง 12 เดือน และ/หรือการตรวจภาพตับ การตรวจเหล่านี้จะช่วยให้มั่นใจได้ว่าสามารถเริ่มการรักษาได้ทันทีที่จำเป็นเพื่อช่วยหยุดความเสื่อมของตับ
  • ยาต้านไวรัสมีจำหน่ายขึ้นอยู่กับระยะของการติดเชื้อ - ซึ่งสามารถตรวจพบได้ด้วยการตรวจเป็นกิจวัตรเท่านั้น
  • ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นโรคตับอักเสบบีเรื้อรังต้องกินยา อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยที่จำเป็นต้องใช้ยามักจะต้องกินยาตลอดชีวิต

ควรทำอย่างไรหากตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี?

หากได้รับการวินิจฉัยว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ควร:

  • ปรึกษาแพทย์เพื่อทำความเข้าใจขั้นตอนต่อไป
  • คิดถึงคู่นอนและผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกัน พวกเขาควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับวิธีป้องกันตนเอง  รวมถึงการตรวจและการฉีดวัคซีน   ปรึกษาแพทย์หรือพยาบาลเกี่ยวกับคู่นอนที่คิดว่าอาจมีความเสี่ยง  แพทย์หรือพยาบาลสามารถช่วยบอกพวกเขาแทน  ซึ่งสามารถทำได้โดยไม่เปิดเผยตัวตนและไม่จำเป็นต้องรู้ว่าท่านเป็นใคร

หากเป็นโรคตับอักเสบบีและกำลังตั้งครรภ์หรือวางแผนที่จะตั้งครรภ์  ต้องไม่ลืมปรึกษากับแพทย์  ขึ้นอยู่กับผลของการตรวจซึ่งอาจต้องได้รับการรักษาในระหว่างตั้งครรภ์  ทารกที่เกิดจากมารดาที่ตรวจพบว่าเป็นโรคตับอักเสบบีจะต้องได้รับการรักษาเป็นพิเศษเมื่อแรกเกิด  ซึ่งรวมถึงการฉีดอิมมูโนโกลบูลินสำหรับโรคตับอักเสบบี (แอนติบอดี) และการฉีดวัคซีนโรคตับอักเสบบีเป็นกิจวัตร การรักษาเหล่านี้มีความสำคัญในการลดการเสี่ยงที่ทารกจะติดไวรัสตับอักเสบบี

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม ดูได้ที่ Hepatitis B vaccination for babies  (การฉีดวัคซีนโรคตับอักเสบบีสำหรับทารก)

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • Hepatitis NSW (ตับอักเสบ NSW) เป็นองค์กรการกุศลที่ให้ข้อมูล การสนับสนุน การส่งต่อบริการและการเป็นกระบอกเสียงให้กับที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสตับอักเสบบีและซี
  • Hepatitis Infoline (ตับอักเสบ อินโฟไลน์) สำหรับข้อมูล การสนับสนุนและการส่งต่อบริการทั่วรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นบริการฟรีและเป็นความลับ โทรหมายเลข 1800 803 990
  • Multicultural HIV and Hepatitis Service (บริการพหุวัฒนธรรม เอชไอวีและตับอักเสบ) สำหรับการสนับสนุนและข้อมูลเกี่ยวกับโรคตับอักเสบแก่ผู้ที่มาจากชุมชนที่มีความหลากหลายทางวัฒนธรรมและภาษา โทรได้ที่หมายเลข (02) 9515 1234 หรือ 1800 108 098 (โทรฟรีนอกเขตซิดนีย์)
  • Hepatitis B vaccination for babies factsheet
  •  ASHM HBV Prescriber map (แผนที่ผู้สั่งยา) ให้ข้อมูลล่าสุดเกี่ยวกับที่ตั้งและรายละเอียดการติดต่อกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านไวรัสตับอักเสบบี
Current as at: Thursday 24 April 2025
Contact page owner: Communicable Diseases